ธรณีสาร
  ชื่อสามัญภาษาไทยธรณีสาร
  ชื่อสามัญภาษาอังกฤษTropical leaf-flower
  ชื่อวิทยาศาสตร์Phyllanthus pulcher Wall. ex Müll.Arg.
  ชื่อพ้องDiasperus pallidifolius Kuntze, D. pulcher (Wall. ex Müll.Arg.) Kuntze, Epistylium glaucescens Baill., E. phyllanthoides Baill., E. pulchrum Baill., Phyllanthus asteranthos Croizat, P. lacerilobus Croizat, Reidia glaucescens
  ชื่อวงศ์Phyllanthaceae
  ชื่อท้องถิ่นมะขามป้อมดิน (เชียงใหม่)/ เสนียด (กรุงเทพมหานคร)/ กระทืบยอด (ชุมพร)/ ก้างปลาดิน ดอกใต้ใบ (นครศรีธรรมราช)/ ตรึงบาดาล (ประจวบคีรีขันธ์)/ ก้างปลาแดง ครีบยอด (สุราษฎร์ธานี)/ คดทราย (สงขลา)/ รุรี (สตูล)/ ก้างปลา (นราธิวาส)
 
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ต้นว่านธรณีสาร เป็นไม้พุ่งกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง มีความสูงของต้นประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นแผ่กิ่งก้านบริเวณใกล้กับปลายยอด เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ลำต้นมีลักษณะกลมและมีรอยแผลใบตามลำต้น มีขนนุ่มตามกิ่งอ่อนและใบประดับ ส่วนอื่น ๆ ของต้นเกลี้ยง 

ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับแน่นในระนาบเดียวกันบริเวณปลายยอด มีใบย่อยประมาณ 15-30 คู่ ในแต่ละกิ่งย่อย ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานเบี้ยว หรือเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบมน โคนใบมนเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบ ปลายสุดมีติ่งแหลมขนาดเล็ก ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 0.8-1.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.52.5 เซนติเมตร แผ่นใบแผ่และบาง แผ่นใบเรียบทั้งสองด้าน หลังใบสีเขียว ส่วนท้องใบเป็นสีเทาแกมเขียว มีเส้นใบข้างประมาณ 6-8 คู่ ก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 0.8-1.5 มิลลิเมตร ก้านมีสีแดงเล็กน้อย ส่วนหูใบมีสีน้ำตาลแดง ลักษณะเป็นรูปหอกแกมรูปสามเหลี่ยม มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร 

ดอก ออกดอกเดี่ยวสีแดงเข้ม เป็นแบบแยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ใบประดับมีขนนุ่มที่ฐาน โดยดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นกระจุกตามซอกใบ มีกลีบดอก 4 กลีบ โคนสีแดง ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ก้านชูสั้น เชื่อมติดกัน อับเรณูแตกตามยาว ก้านดอกบาง ยาวได้ประมาณ 5-10 มิลลิเมตร และกลีบเลี้ยงดอกมี 4 กลีบ กลีบเลี้ยงมีสีแดงเข้ม ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ ขอบแหว่ง มีขนาดกว้างประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มีต่อม ขานฐานดอกเป็นต่อม 4 อัน เป็นรูปเหลี่ยมหรือรูปไตแบนบาง มีขนาดกว้างประมาณ 0.5-0.7 มิลลิเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกจะห้อยลง เรียงกันอยู่หนาแน่นตามใต้ท้องใบ กลีบดอกเพศเมียมี 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ ขอบแหว่ง มีขนาดกว้างประมาณ 3.5-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร มีรังไข่เป็นรูปกึ่งกลม เกลี้ยง ส่วนปลายมีพู 6 พู ภายในรังไข่มีห้อง 3 ห้อง และมีก้านชู 3 อัน 

ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม มีขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร ผิวผลเกลี้ยง เป็นสีน้ำตาลอ่อน ก้านผลยาวประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร และมีกลีบเลี้ยงติดอยู่คงทน ผลจะออกเรียงเป็นแนว ดูเป็นระเบียบอยู่ใต้ใบ

สรรพคุณทั่วไป

ตำรายาไทย 
  • ใบแห้ง บดเป็นผงแทรกพิมเสนกวาดคอเด็ก เพื่อลดไข้ รักษาแผลในปาก และขับลม ใช้พอกฝี บรรเทาอาการปวดบวมและคัน 
  • ต้น ต้มน้ำกินแก้ปวดท้อง เป็นยาล้างตา แก้ฝีอักเสบ 
  • ใบ ตำเป็นยาพอกเหงือกแก้ปวดฟัน และแก้อาการบวม และคันตามร่างกาย 
  • ราก รสจืดเย็น แก้ไข้ตัวร้อน แก้พิษตานซางเด็ก ต้มดื่มขับลมในลำไส้ 
  • ประเทศมาเลเซีย ใบ ใช้แก้ปวดฟัน แก้โรคเหงือก แก้แผล แก้บวมคัน แก้ไข้สูง แก้นิ่วที่ไต ปวดกระเพาะอาหาร แก้ปวดแผลจากอาการไหม้

 
 
วิธีใช้โดยทั่วไป




แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ว่านธรณีสาร (Wan Thorani San)”. หน้า 274. 
  2. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ว่านธรณีสาร”. หน้า 162. 
  3. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ว่านธรณีสาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [02 มิ.ย. 2014]. 
  4. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ธรณีสาร”. หน้า 355. 
  5. ว่านและสมุนไพรไทย, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร. “ว่านธรณีสาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.skc.rmuti.ac.th/WAN/. [02 มิ.ย. 2014]. 
  6. ไทยเกษตรศาสตร์. “สมุนไพรธรณีสาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com. [02 มิ.ย. 2014]. 
  7. คู่มือการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตำบลลำพะยา. “ว่านธรณีสาร”. หน้า 34.