|
ชื่อสามัญภาษาไทย | หางนกยูงฝรั่ง |
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ | Flam-boyant, The Flame tree, Royal poinciana |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Deloelnix regia (Hook.) Raf. |
ชื่อวงศ์ | Fabaceae |
ชื่อท้องถิ่น | นกยูงฝรั่ง อินทรี (ภาคกลาง), หงอนยูง (ภาคใต้), นกยูง นกยูงฝรั่ง ชมพอหลวง ส้มพอหลวง (ภาคเหนือ), ยูงทอง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) |
ต้นหางนกยูงฝรั่ง มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเกาะมาดากัสการ์ ทวีปแอฟริกา ซึ่งค้นพบครั้งแรกเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2367 โดยนักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลียชื่อ เวนเซล โบเจอร์ (Wenzel Bojer) โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เมื่อต้นโตเต็มที่จะมีความสูงประมาณ 12-18 เมตร มีเรือนยอดแบแผ่กว้างเป็นทรงกลมคล้ายร่ม และแผ่กิ่งก้านออกคล้ายกับต้นจามจุรี แต่จะมีขนาดเล็กกว่า ลำต้นหางนกยูงฝรั่ง ลักษณะลำต้นจะเกลี้ยง เปลือกมีสีน้ำตาลอ่อนอมขาวถึงสีน้ำตาลเข้ม โคนต้นเป็นพูพอน และเมื่อต้นโตเต็มที่มักจะมีรากโผล่ขึ้นมาบนดินโดยรอบ ซึ่งต้นหางนกยูงฝรั่งจะขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดเป็นหลัก แต่ก็สามารถใช้วิธีการติดตา ต่อกิ่ง และเสียบยอดก็ได้เช่นกัน โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในดินทั่วไป ลักษณะของใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงเวียนสลับกัน และมีใบย่อยเรียงตรงข้ามกัน โดยขนาดของใบย่อยจะมีขนาดใกล้เคียงกับใบย่อยของมะขาม แผ่นใบเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลมโคนเบี้ยว ผิวใบเกลี้ยง ต้นหางนกยูงฝรั่งเป็นพืชผลัดใบ ซึ่งมักจะผลัดใบในช่วงเดือนมีนาคมถึงช่วงเดือนมิถุนายน ลักษณะเป็นช่อดอก ออกดอกตามปลายกิ่งและตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้ยาวงอนออกมาเหนือกลีบดอก กลีบดอกประกอบด้วย 2 สี คือสีแดงและสีเหลือง แต่เวลามองอาจจะเห็นเป็นสีแสด ซึ่งดอกใดที่มีสีเหลืองมากกว่า ดอกก็เป็นสีแสดออกเหลือง ๆ แต่ถ้าดอกใดมีสีแดงมากกว่าก็จะออกเป็นสีแสดออกแดง (แต่ก็มีหางนกยูงบางต้นที่สามารถออกดอกเป็นสีแดงแท้ ๆ และดอกหางนกยูงฝรั่งสีเหลืองแท้ได้เหมือนกัน แต่ก็หาดูได้ยากนัก) ปกติแล้วโดยทั่วไปจะพบแต่หางนกยูงดอกสีแสด และดอกหางนกยูงฝรั่งจะออกดอกและทิ้งใบอยู่ใต้ต้นเหลือแต่บอกที่บานสะพรั่ง ทำให้ดูงดงามมากเป็นพิเศษ โดยในประเทศไทยฤดูที่ออกดอกของต้นหางนกยูงฝรั่ง ก็คือในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ลักษณะของผลเป็นฝักแบนแข็ง โค้งเป็นรูปดาบ ยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ลักษณะของฝักเป็นข้อ ๆ แต่ละข้อจะมีเมล็ด 1 เมล็ด เมื่อฝักแก่จะแตกออก และในฝักมีเมล็ดเรียงอยู่ตามขวางประมาณ 20-40 เมล็ด เมล็ดอ่อนมีสีเขียว ส่วนเมล็ดแก่เต็มที่จะเป็นสีเทาอมขาว ลักษณะค่อนข้างเป็นทรงกลม (หรือทรงกระบอกหัวท้ายมน) | |
| |
|