กระดูกไก่ดำ
  ชื่อสามัญภาษาไทยกระดูกไก่ดำ
  ชื่อวิทยาศาสตร์Justicia gendarussa Burm.f.
  ชื่อพ้องGendarussa vulgaris Nees,Gendarussa vulgaris Bojer
  ชื่อวงศ์Acanthaceae
  ชื่อท้องถิ่นกระดูกดำ (จันทบุรี), ปองดำ แสนทะแมน (ตราด), เฉียงพ
 
ต้นกระดูกไก่ดำ
ที่มา : สวนป่าสมุนไพรวัดปลักไม้ลาย ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ต้นกระดูกไก่ดำ
ที่มา : สวนป่าสมุนไพรวัดปลักไม้ลาย ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ใบกระดูกไก่ดำ
ที่มา : สวนป่าสมุนไพรวัดปลักไม้ลาย ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ใบกระดูกไก่ดำ
ที่มา : สวนป่าสมุนไพรวัดปลักไม้ลาย ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

    กระดูกไก่ดำเป็นพรรณไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 90-100 เซนติเมตร ลำต้นเป็นสีแดงเข้มถึงสีดำหรือเป็นสีม่วง เกลี้ยงมัน ลักษณะของลำต้นและกิ่งเป็นปล้องข้อ ดูคล้ายกับกระดูกไก่ โดยมีขนาดข้อของลำต้นยาวประมาณ 2.5-3 นิ้ว ส่วนข้อของปล้องกิ่งยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว ตามลำต้น กิ่งก้าน และใบมีสีแดงเรื่อ ๆ ต้นกระดูกดำเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำและวิธีการเพาะเมล็ด ขึ้นได้ดีในดินที่ร่วนซุย มักขึ้นเองตามริมลำธารในป่าดงดิบ

    ลำต้นเป็นสีแดงเข้มถึงสีดำหรือเป็นสีม่วง เกลี้ยงมัน ลักษณะของลำต้นและกิ่งเป็นปล้องข้อ ดูคล้ายกับกระดูกไก่ ตามลำต้น กิ่งก้าน และใบมีสีแดงเรื่อ ๆ

    ใบเดี่ยวเรียงคู่ ใบมีลักษณะเป็นรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเงาเป็นสีเขียวเข้ม หน้าใบเป็นสีเขียวสด ส่วนหลังใบเป็นสีเหลืองอมสีเขียว มีเส้นกลางใบเป็นสีแดงอมดำ ส่วนก้านใบสั้น ใบออกเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเป็นคู่ ลักษณะเป็นรูปใบหอก เล็กเรียวแหลมทั้งปลายใบและโคนใบ ขอบใบเรียบกว้างประมาณ 1-3เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-15เซนติเมตร แผ่นใบเรียบเป็นมัน ด้านหน้าใบสีเขียวสด มีเส้นกลางใบเป็นสีแดงอมดำที่เห็นชัด ส่วนหลังใบเป็นสีเหลืองสีเขียว ก้านใบสั้นและใบมีรสขม

    ดอกออกเป็นช่อบริเวณส่วนยอดและปลายกิ่ง โดยในช่อ จะมีความยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ดอกจะมีลักษณะเป็นหลอดเล็ก ๆ ในก้านบริเวณปลายดอกจะแยกออกเป็นกลีบดอก ซึ่งกลีบดอกเป็นสีขาวแกมชมพู มีลักษณะโค้งงอนเหมือนช้อน ข้างในหลอดดอกมีเกสรเพศผู้ โผล่  ส่วนบริเวณโคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ผลออกเป็นฝัก ยาว 1-1.5 เซนติเมตร โดยเมื่อแก่ฝักจะแตกออกมา ด้านในมีเมล็ดหลายเมล็ดลักษณะกลมแบนมีสีดำ

    ผลมีลักษณะเป็นฝัก

สรรพคุณทั่วไป

ใช้แก้ไอ แก้ไข้ แก้เลือดคั่งค้าง ช่วยกระจายเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย โดยใช้รากหรือลำต้นหรือใบต้มกับน้ำดื่ม แก้อาการปวดศีรษะ แก้โรคหืด แก้ไอ แก้ปวดท้อง ท้องเสีย โดยใช้ใบสดนำมาตำหรือคั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม  แก้อาเจียนเป็นเลือด ขับปัสสาวะ โดยใช้น้ำคั้นจากใบผสมกับเหล้ากิน แก้ท้องร่วงอย่างแรง โดยใช้ใบมาต้มกับนมรับประทาน  ใช้เป็นยาถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยโดยใช้รากและใบนำมาตำผสมกันแล้วใช้พอกบริเวณที่เป็น ใช้แก้โรคผิวหนังและอาการผื่นคันตามตัวโดยใช้รากนำมาต้มกับน้ำอาบ

 
สรรพคุณเฉพาะส่วนของสมุนไพร
 
  ใบ
  • ที่มาเลเซียและอินโดนีเซียจะนำใบมาต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงโลหิต
  • ใบสดนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ ส่วนในมาเลเซียและอินโดนีเซียจะนำใบสดมาตำผสมกับหัวหอมและเมล็ดเทียนแดง แล้วนำมาพอกแก้อาการปวดศีรษะ
  • ใบสดนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มเป็นยาแก้โรคหืด
  • ใช้ใบสดนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้ใบนำมาตำผสมกับเหล้าคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ ลดความร้อน ช่วยขับเลือดข้นในร่างกายให้กระจาย ช่วยกระจายเลือด แก้เลือดคั่งค้างเป็นลิ่มเป็นก้อน ทำให้เลือดที่อุดตันในร่างกายไหลเวียนสะดวก
  • น้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับเหล้ากินเป็นยาแก้อาเจียนเป็นเลือด
  • ใบเมื่อนำมาตำแล้วให้คั้นเอาแต่น้ำมาใช้ผสมกับเหล้ารับประทานเป็นยาแก้ไอ
  • น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาทาแก้อาการปวดท้อง
  • ใบนำมาต้มกับนมรับประทานเป็นยาแก้ท้องร่วงอย่างแรง
  • น้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับเหล้ารับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ
  • ใบนำมาต้มกับนมรับประทานเป็นยาแก้ฝีฝักบัว
  • น้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับเหล้ากินช่วยแก้อาการช้ำใน แก้ปวดบวมตามข้อ หรือจะใช้น้ำคั้นจากใบทาแก้อาการปวดตามข้อก็ได้เช่นกัน
  • ทางตอนใต้ของอินเดียมีการใช้ใบของต้นกระดูกไก่ดำเพื่อรักษาโรคติดเชื้อหลายชนิด
  • ใบสดนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาแก้อัมพาต
  ราก
  • ใช้รากเป็นยาทาเด็กที่เป็นเม็ดตุ่มขึ้นตามตัว
  • ช่วยแก้เคล็ดขัดยอก ด้วยการใช้รากนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำส้มสายชู แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น
  • รากเป็นยาแก้ท้องเสีย
  รากและใบ
  • รากและใบนำมาต้มกับน้ำใช้อาบแก้โรคผิวหนังและผื่นคันตามตัว
  • รากและใบนำมาตำผสมกัน ใช้เป็นยาพอกถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น พิษงู ผึ้ง ต่อ แตนต่อย เป็นต้น หรือจะใช้กากของใบนำมาพอกแผลบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยดูดพิษของอสรพิษได้ หรือจะใช้ใบนำมาขยี้ผสมกับเหล้าขาวเป็นยาทาก็ได้เช่นกัน
  ต้นทั้งต้นมีรสเผ็ด เป็นยาร้อนเล็กน้อย สรรพคุณเป็นยาขับลมชื้นตามข้อกระดูก
 
แหล่งข้อมูลอ้างอิง

1. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. “กระดูกไก่ดํา”.    หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.   หน้า 19-20.
2. รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558-2559 โครงการพฤกษศาสตร์พื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือตอนบน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ สมุนไพรไม้พื้นบ้าน.เล่ม 4(604)
3. วุฒิ  วุฒิธรรมเวช.  “กระดูกไก่ดํา”.  หนังสือสารานุกรมสมุนไพร รวมหลักเภสัชกรรมไทย.  หน้า 75.
4. วิทยา บุญวรพัฒน์. “กระดูกไก่ดำ”.   หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  หน้า 28.
5. ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. “เฉียงพร้ามอญ”.   หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  หน้า 237-239.
6. https://www.disthai.com/17217335/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B3
7. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  “กระดูกไก่ดํา”.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  หน้า 19-20.
8. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  “กระดูกไก่ดำ”.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  หน้า 28.
9. หนังสือสารานุกรมสมุนไพร รวมหลักเภสัชกรรมไทย.  “กระดูกไก่ดํา”.  (วุฒิ  วุฒิธรรมเวช).  หน้า 75.
10. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  “เฉียงพร้ามอญ”.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  หน้า 237-239.
11. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “Justicia gendarussa Burm. f.”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [16 เม.ย. 2014].
12. จำรัส เซ็นนิล.  “เฉียงพร้า-กระดูกไก่ดำ รักษามะเร็งเต้านม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.jamrat.net.  [16 เม.ย. 2014].
13. ผู้จัดการออนไลน์.  “กระดูกไก่ดำ สุดยอดสมุนไพร แก้ปวด แก้อักเสบ”.  (ข้อมูลโดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร). [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th.  [20 มิ.ย. 2017].
14. SCI NEWS.  “Powerful Anti-HIV Compound Found in Asian Medicinal Plant: Patentiflorin A”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.sci-news.com.  [20 มิ.ย. 2017].
15. https://medthai.com/กระดูกไก่ดํา/