ว่านน้ำ ชื่อสามัญภาษาไทย | ว่านน้ำ | ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ | Calamus, Calamus Flargoot, Flag Root, Mytle Grass, Myrtle sedge, Sweet Flag, Sweetflag, Sweet Sedge | ชื่อวิทยาศาสตร์ | Acorus calamus L. | ชื่อพ้อง | Acorus angustifolius Schott, Acorus aromaticus Gilib., Acorus calamus var. verus L., Acorus terrestris Spreng. | ชื่อวงศ์ | Araceae | ชื่อท้องถิ่น | ว่านน้ำเล็ก ฮางคาวผา (เชียงใหม่), ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี), กะส้มชื่น คาเจี้ยงจี้ ผมผา ส้มชื่น ฮางคาวบ้าน ฮางคาวน้ำ (ภาคเหนือ), ทิสีปุตอ เหล่อโบ่สะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แป๊ะอะ (ม้ง),ช่านโฟ้ว (เมี่ยน), สำบู่ (ปะหล่อง), จะเคออ้ม ตะไคร้น้ำ (ขมุ). แปะเชียง (จีนแต้จิ๋ว), สุ่ยชังฝู ไป๋ชัง (จีนกลาง) | | | ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ |
ต้นว่านน้ำ จัดเป็นพรรณไม้ขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 50-80 เซนติเมตร และมีเหง้าเจริญไปตามยาวขนานกับพื้นดิน เหง้าเป็นรูปทรงกระบอกค่อนข้างแบน ลักษณะเป็นข้อ ๆ มองเห็นชัด ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลอมชมพู มีรากฝอยเป็นเส้นเล็กยาวติดอยู่ทั่วไป พันรุงรังไปตามข้อปล้องของเหง้า เนื้อภายในเป็นสีเนื้อแก่ มีกลิ่นหอม รสเผ็ดร้อนฉุนและขม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกหน่อ มักพบขึ้นเองตามบริเวณริมหนองน้ำ สระ บ่อ คูคลอง ในที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือที่ชื้นแฉะหรือแหล่งน้ำตื้น
ใบว่านน้ำ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกันซ้ายขวาแบบทแยงกัน ใบแตกออกมาจากเหง้าเป็นเส้นตรงและยาว ลักษณะของใบเป็นรูปเรียวแหลม ปลายใบแหลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 80-110 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบ มองเห็นเส้นกลางใบได้ชัดเจน
ดอกว่านน้ำ ออกดอกเป็นช่อ แทงออกมาจากเหง้า ลักษณะของดอกเป็นแท่งทรงกระบอก เป็นสีเหลืองออกเขียว ดอกมีขนาดประมาณ 0.7-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยดอกย่อยเรียงตัวติดกันแน่น ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปกลม ปลายกลีบโค้งงอ มีกายใบห่อหุ้ม 1 ใบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 50 เซนติเมตร และมีกาบใบหุ้ม ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ในช่อเดียวกัน เกสรเพศผู้มีประมาณ 6 อัน ก้านเกสรเพศเป็นสีขาว เป็นเส้นแบนยาว และมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ส่วนก้านเกสรเพศเมียมี 1 อัน มีรังไข่ลักษณะกลมยาวหรือเป็นรูปกรวย - ผลว่านน้ำ ผลเป็นผลสดขนาดเล็ก ผลมี 2-3 เซลล์ ลักษณะคล้ายลูกข่างหรือปริซึม ปลายบนคล้ายพีรามิด ผลเมื่อสุกจะเป็นสีแดง ภายในมีเมล็ดจำนวนน้อย ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปรี
| สรรพคุณทั่วไป |
- เหง้าว่านน้ำมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ยาหอม แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุน้ำ โดยใช้เหง้าแห้งประมาณ 1-3 กรัม นำมาชงกับน้ำร้อนดื่มก่อนอาหารเย็น ติดต่อกันจนกว่าธาตุจะปกติ
- ใช้เป็นยาขมช่วยทำให้เจริญอาหาร โดยใช้เหง้าแห้งประมาณ 1-3 กรัม
- ช่วยบำรุงหัวใจ
- ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาท หลอดลม
- เหง้าใช้เป็นยาระงับประสาท สงบประสาท แก้อาการสะลึมสะลือ มึนงง รักษาอาการลืมง่าย ตกใจง่าย หรือมีอาการตื่นเต้นตกใจกลัวจนสั่น จิตใจปั่นป่วน ให้ใช้เหง้าว่านน้ำแห้ง 10 กรัม, เอี่ยงจี่ 10 กรัม, หกเหล้ง 10 กรัม, เหล่งกุก 10 กรัม, และกระดองส่วนท้องของเต่า 15 กรัม ใช้แบ่งกินครั้งละประมาณ 3-5 กรัม วันละ 3 เวลา
- รากใช้เป็นยาแก้ Hysteria (โรคประสาทแบบฮีสทีเรีย) และ Neuralgia (อาการปวดตามเส้นประสาท)
- ใบสดนำมาตำให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำใช้สุมหัวเด็ก จะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะได้
- ส่วนรากก็มีสรรพคุณแก้ปวดศีรษะได้เช่นกัน
- ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
- เหง้ามีรสขมเผ็ด ใช้แก้โรคลม
- ใช้รักษาอาการกระจกตาอักเสบ โดยใช้เหง้าแห้งนำมาใส่น้ำ ต้มให้เดือดโดยใช้ไฟอ่อน ๆ เสร็จแล้วเอากากออก เทมาปรับความเป็นกรดและด่าง ให้เป็นกลาง แล้วกรองให้ใส หรือจะใช้เหง้าที่แห้งใส่น้ำแล้วต้ม เทมาปรับความเป็นกรดและด่างให้เป็นกลางด้วยเอทิลแอลกอฮอล์ แล้วกรองให้ใส นำมาบรรจุใส่ภาชนะ แล้วนำไปนึ่งฆ่าเชื้อที่มีความดันสูง น้ำมาใช้เป็นยาหยอดตา หรือใช้ล้างตาวันละครั้ง
- ใช้แก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้เหง้าแห้งนำไปบดให้เป็นผง แล้วนำมาใช้ทา
- ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ด้วยการใช้เหง้าแห้งนำไปบดให้เป็นผง แล้วนำมาใช้ทา
- เหง้านำมาต้มรวมกับขิงและไพลใช้กินเป็นยาแก้ไข้
- ใช้เป็นยาแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น
- ชาวอินเดียจะฉีดรากเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาเคี้ยวประมาณ 2-3 นาที เป็นยาแก้หวัดและเจ็บคอ ส่วนชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน จะใช้ช่อดอกและยอดอ่อน นำมารับประทานสดเพื่อรักษาอาการหวัด
- ใช้รักษาอาการไอ ด้วยการใช้ชิ้นเล็ก ๆ ของว่านน้ำแห้ง นำมาอมเป็นยาแก้ไอ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมระเหยเวลาหายใจอีกด้วย
- รากมีสรรพคุณช่วยแก้หืด
- เหง้ามีรสขมเผ็ด มีกลิ่นหอม เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ปอด และม้าม ใช้เป็นช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ แก้เสมหะอุดตันในทางเดินหายใจ
- ผงจากรากหรือเหง้าถ้ากินมากกว่าครั้งละ 2 กรัม จะทำให้อาเจียน อาจนำมาใช้ประโยชน์ในกรณีที่ผู้ป่วยกินสารพิษเข้าไป และต้องการจับสารพิษออกจากทางเดินอาหารด้วยการทำให้อาเจียน
- ช่วยแก้หลอดลมอักเสบ หรือหวัดลงคอ
- รากใช้ฝนกับเหล้าทาหน้าอกเด็กเพื่อเป็นยาดูดพิษ แก้หลอดลม และปอดอักเสบ
- ช่วยแก้ลมจุกแน่นในทรวงอก และแก้ลมที่อยู่ในท้องแต่อยู่นอกกระเพาะและลำไส้
- ใช้เป็นยาขับลมในท้อง แก้ลมขึ้น แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด อาหารไม่ย่อย ด้วยการใช้เหง้าประมาณ 3-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้เข้ากับตำรายาอื่น ด้วยการใช้เหง้าว่านน้ำแห้ง 10 กรัม, หัวแห้วหมู 15 กรัม, เมล็ดแก่ของหัวผักกาดขาว 10 กรัม และซิ่งเข็ก 10กรัม นำมาผสมกันแล้วนำไปต้มเป็นยากิน
- ส่วนชาวปะหล่องจะรากและเหง้า จิ้มกับเกลือใช้รับปะทานสดเพื่อรักษาอาการปวดท้อง หรือนำมาซอยบาง ๆ ตากแดดให้แห้ง บดเป็นผงใช้ร่วมกับปูเลย นำมากินแล้วดื่มน้ำตาม จะช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้
- รากมีสรรพคุณเป็นยาระบาย
- ช่วยแก้โรคกระเพาะอาหาร
| | | วิธีใช้โดยทั่วไป |
- ชาวเมี่ยนจะใช้ผลอ่อนนำมารับประทานร่วมกับลาบ
- ช่อดอกอ่อน ๆ จะมีรสหวาน เด็กชอบกิน ส่วนรากอ่อนเด็กในประเทศเนเธอร์แลนด์จะชอบนำมาเคี้ยวเล่นเป็นหมากฝรั่ง
- ชาวปะหล่องจะใช้รากนำมาเป่าคาถา แล้วนำไปถูกตัวผู้ที่โดนผีเข้า เพื่อไล่ผี และใช้เป็นยาประจำบ้านที่นิยมใช้กันทั่วไป
- เหง้าว่านน้ำสามารถนำมาใช้ไล่ยุงและแมลง ช่วยป้องกันแมลงมากัดกินข้าว และเสื้อผ้าได้ และยังนำมาบดให้เป็นผงใช้โรยรอบ ๆ ต้นไม้ที่ปลูก เพื่อเป็นยาฆ่าปลวกที่ผิวดินและป้องกันต้นไม้ สำหรับสูตรไล่ยุง ให้ใช้เหง้าสดนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ โขลกผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 1 แล้วกรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาใช้ทาผิวหนัง ส่วนรากใช้เป็นยาเบื่อแมลงต่าง ๆ เช่น แมลงวัน
- เหง้าสดเมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการต้มกลั่นจะได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.17% สามารถนำมาใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอางประเภทสบู่ ผงซักฟอก น้ำหอม ครีม และโลชั่นต่าง ๆ ได้
- มีบ้างที่นำว่านน้ำปลูกไว้เป็นไม้ประดับ
| แหล่งข้อมูลอ้างอิง |
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ว่านน้ำ”. หน้า 715-718.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ว่านน้ํา”. หน้า 35.
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ว่านน้ำ”. หน้า 510.
- ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ว่านน้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [03 มิ.ย. 2014].
- หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ว่านน้ํา” หน้า 168-169.
- สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ว่านน้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [03 มิ.ย. 2014].
- ฐานข้อมูลน้ำมันหอมระเหยไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). “ว่านน้ํา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tistr.or.th/essentialoils/. [03 มิ.ย. 2014].
- หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ฤทธิ์ยับยั้งการสะสมเซลล์ไขมันของสารประกอบในน้ำมันจากต้นว่านน้ำ (Acorus calamus)”. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [03 มิ.ย. 2014].
- โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “คาเจี้ยงจี้, ว่านน้ำ , ว่านน้ำเล็ก”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิติ
- นันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [03 มิ.ย. 2014].
|
|