เปล้าใหญ่
  ชื่อสามัญภาษาไทยเปล้าใหญ่
  ชื่อวิทยาศาสตร์Croton persimilis Müll.Arg.
  ชื่อพ้องCroton oblongifolius Roxb., Croton roxburghii N.P.Balakr., Oxydectes oblongifolia Kuntze, Oxydectes persimilis (Müll.Arg.) Kuntze)
  ชื่อวงศ์Euphorbiaceae
  ชื่อท้องถิ่นเปาะ (กำแพงเพชร), ควะวู (กาญจนบุรี), เปล้าหลวง (ภาคเหนือ), ‎เซ่งเค่คัง สะกาวา สกาวา ส่ากูวะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ห้าเยิ่ง (ชาน-แม่ฮ่องสอน), คัวะวู, เป‎วะ เป็นต้น[1],[6],[8] โดยมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศอินเดีย เนปาล ภูฎาน บังคลาเทศ ภูมิภาคอินโดจีน พม่า และในประเทศไทย โดยสามารถพบได้ทุกภาคยกเว้นภาคใต้ มักขึ้นในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง
 
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

     ต้นเปล้าใหญ่ หรือ ต้นเปล้าหลวง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 8 เมตร เปลือกของลำต้นเรียบ เป็นสีน้ำตาล มีรอยแตกบ้างเล็กน้อย ที่กิ่งก้านค่อนข้างใหญ่ ตามใบอ่อน ยอดอ่อน และช่อดอก จะมีเกล็ดสีเทาเป็นแผ่นเล็ก ๆ ปกคลุมอยู่ทั่วไป โดยมักพบได้ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าผลัดใบ ที่มีความสูงไม่เกิน 950 เมตร

    ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปขอบขนาน รูปวงรีแกมขอบขนาน หรือเป็นรูปใบหอก ใบรียาว มีความกว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตรและยาวประมาณ 9-30 เซนติเมตร โคนใบและปลายใบแหลมหรือมน ส่วนขอบใบจักเป็นซี่ฟันไม่สม่ำเสมอ ลักษณะของใบจะลู่ลง ใบอ่อนจะเป็นสีน้ำตาล ส่วนใบแก่ค่อนข้างเกลี้ยง หลังใบเรียบมีสีเขียวเข้ม ท้องใบมีขนไม่มาก ใบเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีส้มก่อนร่วงหล่นลงมา ส่วนก้านใบยาวประมาณ 1.3-6 เซนติเมตร และฐานใบมีต่อม 2 ต่อม

    ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกมีหลายช่อ ช่อดอกมีความยาวประมาณ 12-22 เซนติเมตร ลักษณะตั้งตรง ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกันหรือแยกต้น ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบดอกมีสีเหลืองแกมสีเขียว ดอกจะทยอยบานจากโคนช่อไปหาปลายช่อ โดยดอกตัวผู้เป็นสีขาวใส มีกลีบดอกสั้นจำนวน 5 กลีบ ที่โคนกลีบดอกจะติดกัน มีกลีบเลี้ยงเป็นรูปขอบขนานกว้าง ๆ 5 กลีบ หลังกลีบเลี้ยงมีเกล็ดสีน้ำตาล โดยกลีบดอกยาวเท่ากับกลีบเลี้ยง มีขนอยู่หนาแน่น ที่ฐานดอกมีต่อมลักษณะกลม ๆ 5 ต่อม มีเกสรตัวผู้ 12 อัน เกลี้ยง ส่วนดอกตัวเมียเป็นสีเหลืองแกมเขียว มีกลีบดอก 5 กลีบ กลีบเล็ก ลักษณะเป็นรูปยาวแคบ ขอบกลีบจะมีขน ที่โคนกลีบดอกจะติดกัน ปลายกลีบดอกแหลม กลีบเลี้ยงมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน และรังไข่เป็นรูปขอบขนาน มีเกล็ด โดยจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน

    ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่ผลจะแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแบน มีพู 3 พู มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ผิวเรียบ ด้านบนแบน มีเกล็ดเล็กห่างกัน ในผลมีเมล็ดลักษณะแบนรี ยาวประมาณ 6 มิลลิเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม

สรรพคุณทั่วไป

  • เปล้าใหญ่ช่วยบำรุงโลหิต
  • ใบใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
  • ใบมีรสร้อน เมาเอียน
  • ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ
  •  ช่วยทำให้เจริญอาหาร
  • ช่วยแก้อาการวิงเวียน
  • ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ด้วยการใช้ใบเปล้าใหญ่เข้ายากับใบหนาด ตะไคร้หอม และเครือส้มลม
  • ใช้ต้มกับน้ำดื่มและอาบ ช่วยแก้เลือดร้อน
  • น้ำต้มเปลือกต้นใช้กินเป็นยาแก้ไข้
  • ช่วยแก้กระหาย
  • ช่วยแก้อาการร้อนใน
  • ช่วยแก้เสมหะ
  • ช่วยแก้ลมอันผูกเป็นก้อนให้กระจาย
  • ช่วยขับลม กระจายลม
  • ใบใช้เข้าเครื่องยาแก้อาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยแก้ลมจุกเสียด
  • ช่วยแก้อาการท้องเสีย
  • รากใช้ต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้อาการปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด
  • เปลือกต้นและกระพี้มีรสร้อน เมาเย็น ใช้เป็นยาช่วยในการย่อยอาหาร
  • เมล็ดใช้กินเป็นยาถ่าย
  • ดอกมีรสร้อนใช้เป็นยาขับพยาธิ
  • ส่วนแก่นใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน
  • เนื้อไม้เปล้าใหญ่ช่วยแก้ริดสีดวงลำไส้และริดสีดวงทวารหนัก

 
 
แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “เปล้าใหญ่“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [14 ธ.ค. 2013].
  2. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “เปล้าใหญ่“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [14 ธ.ค. 2013].
  3. โครงการจัดทำฐานข้อมูลพืชสมุนไพรที่สำรวจและวิจัยภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น.  สำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.  “เปล้าใหญ่“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: orip.kku.ac.th/thaiherbs/.  [14 ธ.ค. 2013].
  4. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “Croton roxburghii N.P. Balakr.“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th.  [14 ธ.ค. 2013].
  5. อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “เปล้าใหญ่“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri.  [14 ธ.ค. 2013].
  6. ฐานข้อมูลสมุนไพร ในฐานสมุนไพรแม่โจ้ (ชีวกโกมารภัจจ์) ในสวนพฤกษศาสตร์กล้วยไม้ร้อยปีสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้.  “รายงานแสดงลักษณะของพืชสมุนไพร มหาวิทยาลัยแม่โจ้‎“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.mmp.mju.ac.th . [14 ธ.ค. 2013].
  7. มูลนิธิสุขภาพไทย.  “อบสมุนไพรบำรุงผิวพรรณ“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaihof.org.  [14 ธ.ค. 2013].
  8. ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้.  “เปล้าใหญ่“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: biodiversity.forest.go.th.  [14 ธ.ค. 2013].
  9. สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “เปล้าหลวง“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.dnp.go.th/botany/.  [14 ธ.ค. 2013].