เสี้ยวแดง
  ชื่อสามัญภาษาไทยเสี้ยวแดง
  ชื่อสามัญภาษาอังกฤษSieo daeng (Loei)
  ชื่อวิทยาศาสตร์Bauhinia penicilliloba Pierre ex Gagnep.
  ชื่อวงศ์Annonaceae
  ชื่อท้องถิ่นผู้เฒ่าล้มลุก (ยโสธร), เสี้ยวเครือ (อุบลราชธานี) เสี้ยวดาน
 
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

    เสี้ยวแดงมีลำต้นเกลี้ยง มีมือเกาะม้วนงอบริเวณซอกใบ

    ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ ถึงรูปเกือบกลม กว้าง 9-14 เซนติเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร ปลายใบแยกเป็นสองแฉก เว้าลึกเกือบสุดโคนและกว้าง โคนใบรูปหัวใจ แต่ละแฉกปลายแหลมถึงมน ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนมีขนละเอียดเป็นกำมะหยี่สีน้ำตาล ใบอ่อนมีขนใบ สีน้ำตาลนุ่มทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบ 11-15 เส้น เนื้อใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ก้านใบยาวประมาณ 2 เซนติเมตร

    ดอกช่อกระจะ ออกที่ด้านข้างและปลายกิ่ง ยาว 7-20 เซนติเมตร มีขนสีแดงอยู่ทั่วไป กลีบดอกสีขาวหรือสีขาวครีม กลีบกลางมีแต้มสีเหลือง ดอกย่อยจำนวนมาก เมื่อบานเต็มที่มีขนาด 1 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยยาวได้ถึง 3 เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ รูปหอกกลับ กว้าง 1.5 มม. ยาว 5 มม. เกสรเพศผู้ 3 อัน แยกเป็นอิสระ มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 2 อัน เป็นตุ่มขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศเมีย 1 อัน มีรังไข่เหนือวงกลีบ มี 1 ห้อง ยอดเกสรเพศเมียเป็นจุด กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ รูปใบหอกแกมรูปไข่ กว้าง 1.5 มม. ยาว 1 ซม. มีสีแดง ติดบนฐานรองดอกรูปถ้วย มีโคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ผิวด้านนอกมีขนยาวห่าง

    ผลเป็นฝัก รูปขอบขนาน แกมรูปดาบ กว้าง 2.5 ซม. ยาว 6 ซม. ปลายฝักมีติ่งแหลม ฐานฝักรูปลิ่มเบี้ยว มีกลีบเลี้ยงติดทน ผิวเกือบเรียบ แห้งแล้วแตกได้ สันด้านบนไม่นูน เมล็ดรูปจาน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มม. สีน้ำตาลเข้ม เป็นไม้พื้นล่างพบตามที่โล่งในป่าเต็งรัง ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม

สรรพคุณทั่วไป

ยาพื้นบ้านอีสานใช้
  • ราก ต้มน้ำดื่ม บำรุงกำลัง และทำให้เจริญอาหาร รักษาแผลในปาก แก้โรคปากนกกระจอก
  • ราก ปั้นเป็นยาลูกกลอน กินแก้ปวดท้อง

 
 
วิธีใช้โดยทั่วไป

  • ช่วยขับลม ระบายพิษไข้ โดยใช้รากสด 10-15 กรัม หรือแห้งประมาณ 5-7 กรัม นำมาต้มในน้ำสะอาด 500 ซีซี เคี่ยวให้เหลือครึ่งหนึ่ง ดื่มหรือจิบแทนน้ำชา
  • แก้อาการไอ โดยใช้ใบสด 10 กรัม ล้างให้สะอาดนำมาต้มในน้ำ 500 ซีซี ประมาณ 10 นาที แล้วกรองเอาน้ำจิบและอมกลั้วคอ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=294