ผักบุ้งนา
  ชื่อสามัญภาษาไทยผักบุ้งนา
  ชื่อสามัญภาษาอังกฤษSwamp cabbge, Swamp cabbage white stem, Water morning glory
  ชื่อที่เกี่ยวข้องผักทอดยอด ผักบุ้ง ผักบุ้งแดง ผักบุ้งนา กำจร โหนเดาะ
  ชื่อวิทยาศาสตร์Ipomoea aquatica Forsk.
  ชื่อพ้องIpomoea reptans Poir.
  ชื่อวงศ์Convolvulaceae
  ชื่อท้องถิ่นผักทอดยอด (กรุงเทพฯ) ผักบุ้งนา (ภาคกลาง) โหนเดาะ กากง (มลายู)
 
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ผักบุ้งนาเป็นไม้ล้มลุกหลายปี ลำต้นเลื้อยทอดไปตามน้ำหรือที่ลุ่มที่มีความชื้น หรือดินแฉะ ลำต้น กลมสีเขียว สีเขียวอมแดง มีข้อปล้องและมีรากตามข้อปล้องส่วนที่สัมผัสกับดิน 

ใบ ใบเดี่ยวออกแบบสลับ รูปไข่แกมขอบขนาน รูปหอก รูปหัวลูกศร ขอบใบเรียบ หรือมีควั่นเล็กน้อย ปลายใบแหลมหรือมน ฐานใบรูปหัวใจ ใบยาว 3-15 เซนติเมตร กว้าง 1-9 เซนติเมตร 

ดอก รูประฆัง ออกเป็นช่อที่ซอกใบ มีดอกย่อย 1-5 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกพบทั้งสีขาวหรือชมพูที่ฐาน เกสรเพศผู้มี 5 อัน ยาวไม่เท่ากัน 

ผล รูปไข่หรือกลมสีน้ำตาลมีเมล็ดกลมสีดำ

สรรพคุณทั่วไป

  • ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส มีน้ำมีนวล มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ 
  • ช่วยในการชะลอวัย 
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง 
  • ช่วยบำรุงสายตา 
  • ช่วยบำรุงธาตุ 
  • ช่วยในการบำรุงโลหิต 
  • ช่วยแก้โรคประสาท 
  • ช่วยแก้อาการเหงื่อออกมาก 
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน 
  • ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย 
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน 
  • ช่วยแก้อาการเหงือกบวม 
  • ช่วยรักษาแผลร้อนในในปาก แก้เลือดกำเดาไหลออกมากผิดปกติ 
  • ช่วยป้องกันโรคกระเพาะอาหาร 
  • ช่วยป้องกันโรคท้องผูก 
  • ช่วยแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ 
  • ช่วยทำความสะอาดของเสียที่ตกค้างในลำไส้ 
  • ช่วยในการขับปัสสาวะ 
  • ช่วยแก้หนองใน 
  • ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร 
  • ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี 
  • ช่วยถอนพิษเบื่อเมา 
  • ช่วยให้เจริญอาหาร 
  • ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เป็นยาแก้กลากเกลื้อนราก แก้สตรีมีตกขาว ฟันเป็นรู ปวดเบาขัด ไอเรื้อรัง เหงื่อออกมาก ลดบวม

 
 
วิธีใช้โดยทั่วไป

  • ช่วยรักษาแผลร้อนในในปาก ด้วยการนำผักบุ้งสดมาผสมเกลือ อมไว้ในปากประมาณ 2 นาที วันละ 2 ครั้ง 
  • ฟันเป็นรูปวด ให้ใช้รากสด 120 กรัม ผสมกับน้ำส้มสายชู คั้นเอาน้ำมาบ้วนปาก

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.technologychaoban.com 
  2. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN) 
  3. หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันที่ 10 มกราคม 2553
  4.  www.stuartxchange.org/Kangkong.html