ผักหนาม
  ชื่อสามัญภาษาไทยผักหนาม
  ชื่อวิทยาศาสตร์Lasia spinosa (L.) Thwaites
  ชื่อพ้องDracontium spinosum L., Lasia aculeata Lour., L. crassifolia Engl., L. desciscens Schott, L. hermannii Schott, L. heterophylla (Roxb.) Schott, L. jenkinsii Schott, L. roxburghii Griff., L. zollingeri Schott, Pothos heterophyllus Roxb., P. lasia
  ชื่อวงศ์Araceae
  ชื่อท้องถิ่นกะลี (มลายู, นราธิวาส), บอนหนาม (ไทลื้อ, ขมุ), ผะตู่โปล่ เฮาะตู่คุ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), ด่อแกงเล่อ (ปะหล่อง), บ่อนยิ้ม (เมี่ยน), บ่ะหนาม (ลั้วะ), หลั่นฉื่อโก จุยหลักเท้า (จีนแต้จิ๋ว)
 
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ผักหนามเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นเป็นเหง้าแข็งอยู่ใต้ดินทอดเลื้อย ทอดขนานกับพื้นดิน ตั้งตรงและโค้งลงเล็กน้อย ชูยอดขึ้น ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะมีน้ำขัง มีหนามแหลมตามลำต้น ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร ยาวได้ถึง 75 เซนติเมตร 

ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปหัวลูกศร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก รอยเว้าลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ ใบกว้างมากกว่า 25 เซนติเมตร ยาว 30-40 เซนติเมตร มีหนามตามเส้นใบด้านล่าง ขอบใบเรียบหรือหยักเว้าลึก 9 พู ใบอ่อนม้วนเป็นแท่งกลม ปลายแหลม ก้านใบรูปทรงกระบอก ยาว แข็ง ยาว 40-120 เซนติเมตร มีหนามแหลมตามก้านใบและเส้นกลางใบ 

ดอกออกเป็นช่อเชิงลด ทรงกระบอก เป็นแท่งยาวเท่าๆกับใบ ประมาณ 4 เซนติเมตร แทงออกมาจากกาบใบ ก้านช่อดอกยาวได้ถึง 75 เซนติเมตรและมีหนาม มีดอกย่อยอัดกันแน่นเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ใบประดับเป็นกาบสีน้ำตาลแกมเขียวถึงสีม่วง กาบหุ้มม้วนบิดเป็นเกลียวตามความยาวของกาบ ยาวได้ถึง 55 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อดอกแบบแท่งสแพดิก (spadix) ช่อดอกสีน้ำตาล ดอกตัวผู้อยู่ตอนบนและมีจำนวนมาก ดอกตัวเมียอยู่ตอนล่างและมีจำนวนน้อยกว่า 

ผลเรียงชิดกันแน่นเป็นแท่งรูปทรงกระบอก ผลสด หนาและเหนียว ผลอ่อนสีเขียวมีเนื้อนุ่ม ผลแก่สีเหลืองแกมแดง ออกดอกราวเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และเป็นผลเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม พบตามริมคู คลอง หนอง บึง ตามร่องน้ำในสวน

สรรพคุณทั่วไป

ตำรายาไทย 
  • ลำต้น ใช้แก้ไอ ขับเสมหะ ต้มน้ำอาบแก้คันเนื่องจากพิษหัดเหือด และไข้ออกผื่น สุกใส ดำแดง และใช้ถอนพิษ 
  • ใบ แก้ปวดท้อง แก้ไอ 
  • ราก ต้มน้ำให้เด็กแรกเกิดอาบ แก้เจ็บคอ 
  • รากและใบ ใช้ขับเสมหะ 
  • เหง้า เป็นยาขับเสมหะ แก้ไอ ต้มน้ำอาบแก้คันเนื่องจากพิษหัด เหือด สุกใส ดำแดง และโรคผิวหนัง 
  • ทั้งต้น แก้ปัสสาวะพิการ 
  • ยอดอ่อนและใบอ่อนรับประทานเป็นผัก

 
 
วิธีใช้โดยทั่วไป

การเก็บยาให้เก็บลำต้นในช่วงฤดูร้อนและล้างให้สะอาด แล้วนำไปตากแห้งหรือหั่นเป็นแผ่นตากแห้งเก็บไว้ใช้ (ลักษณะยาที่ดีจะรสเผ็ดชา ต้นที่เก็บจะต้องมีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก เปลือกสีน้ำตาลเทา มีข้อเป็นปุ่ม ขรุขระมีหนามแข็ง แต่ละข้อห่างกันประมาณ 6-7 เซนติเมตร มีรากฝอยขดม้วนเข้าไปที่โคนก้านใบ เนื้อในเป็นสีเทาหรือสีชมพู มีแป้งมาก และมีจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ อยู่ทั่วไป) 
  • โดยให้ใช้ลำต้นแห้งประมาณ 10-15 ต้มกับน้ำกิน 
  • ส่วนการใช้ภายนอกให้นำไปต้มเอาน้ำชะล้างหรือบดเป็นผงทาบริเวณที่เป็น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. www.thaiherbarium.com 
  2. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [29 ก.ย. 2015]. 
  3. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [29 ก.ย. 2015].
  4. คมชัดลึกออนไลน์. “ใช้ผักหนามเลี้ยงไก่”. (พีรเดช ทองอำไพ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.komchadluek.net. [29 ก.ย. 2015]. 
  5. ระบบวินิจฉัยและการรักษาอาการอันเนื่องจากพืชพิษในประเทศไทย, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/poison/poison.htm. [29 ก.ย. 2015]. 
  6. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ผักหนาม” อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), สมุนไพรใกล้ตัว เล่ม 6 : สมุนไพรที่เป็นพิษ (สมพร ภูติยานันต์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [29 ก.ย. 2015]. 
  7. โครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พันธุ์ผักพื้นบ้านและไม้ผลพื้นเมืองภาคใต้ สำหรับประชาชน, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : natres.psu.ac.th/ProjectSite/webpage/detail-project.htm. [29 ก.ย. 2015]. 
  8. ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [29 ก.ย. 2015].