แสมสาร
  ชื่อสามัญภาษาไทยแสมสาร
  ชื่อสามัญภาษาอังกฤษSamae saan.
  ชื่อวิทยาศาสตร์Senna garrettiana (Craib) H.S.Irwin & Barneby
  ชื่อพ้องCassia garrettiana Craib
  ชื่อวงศ์Fabaceae
  ชื่อท้องถิ่นขี้เหล็กสาร (นครราชสีมา, ปราจีนบุรี), ขี้เหล็กโคก ขี้เล็กแพะ (ภาคเหนือ), ขี้เหล็กป่า (ภาคเหนือ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), กราบัด กะบัด (ชาวบน-นครราชสีมา), ไงซาน (เขมร-สุรินทร์) เป็นต้น
 
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

    ต้นแสมสาร จัดเป็นไม้ยืนต้น ที่มีความสูงของต้นประมาณ 10 เมตร ลำต้นตั้งตรง มีเนื้อไม้แข็ง กิ่งแขนงแตกเป็นเรือนยอดกลมทึบ เปลือกลำต้นหนาเป็นสีน้ำตาลแก่เกือบดำ ลำต้นขรุขระแตกเป็นร่องลึก แตกเป็นสะเก็ดเหลี่ยม ตามกิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เพราะได้ผลดีที่สุด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ชอบแสงแดดจัด ในประเทศไทยพบได้มาทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอื่น ๆ ยกเว้นภาคใต้ โดยมักขึ้นในบริเวณป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าที่ราบต่ำทั่วไป และป่าผลัดใบที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 500 เมตร ส่วนในต่างประเทศพบขึ้นกระจายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ใบแสมสาร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ 6-9 คู่ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปหอก หรือรูปหอกถึงรูปไข่กว้าง ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนหรือกลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-9 เซนติเมตร หลังใบเรียบเป็นสีเขียวเข้มและเป็นมัน ส่วนท้องใบเรียบเป็นสีอ่อนกว่า มีเส้นแขนงใบข้างละประมาณ 10-15 เส้น ก้านใบย่อยยาวประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ส่วนหูใบเรียวเล็กและหลุดร่วงได้ง่าย

    ดอกแสมสาร ออกดอกเป็นช่อใหญ่ โดยจะออกตามปลายกิ่งหรือออกตามมุมก้านใบ แต่ละช่อดอกจะมีดอกย่อยจำนวนมากเบียดกันแน่นเป็นกระจุก ช่อดอกมีความยาวประมาณ 9-20 เซนติเมตร มีขนนุ่มอยู่ทั่วไป ดอกย่อยเป็นสีเหลือง สีเหลืองเข้ม หรือสีเหลืองทอง กลีบดอกมี 5 กลีบ ปลายกลีบดอกมน โคนกลีบดอกเรียว ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมีลักษณะเป็นรูปกลม เป็นสีเขียวออกเหลือง แต่ละดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตร และมีก้านดอกยาวประมาณ 1-3 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ติดอยู่กับผนังกลางดอก 10 อัน ก้านเกสรเป็นสีน้ำตาลมีขนาดยาวไม่เท่ากัน มีขนาดใหญ่ 2 อัน ขนาดเล็ก 5 อัน และอีก 3 อัน เป็นแบบลดรูป ส่วนรังไข่และหลอดเกสรเพศเมียเกลี้ยงหรือมีขนประปราย โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม

    ผลแสมสาร ออกผลเป็นฝักแบน ฝักมักจะบิด เปลือกฝักค่อนข้างบาง ผิวฝักเรียบเกลี้ยงไม่มีขน มีขนาดกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 15-22 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่ฝักมักจะบิดและแตกออก และเป็นสีน้ำตาล ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 10-20 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่ มีขนาดกว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 9 มิลลิเมตร โดยจะติดฝักในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม และผลจะแก่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม

สรรพคุณทั่วไป

  • แก่นมีรสขมเฝื่อน สรรพคุณเป็นยาแก้โลหิต แก้ลม
  • รากมีสรรพคุณเป็นยาฟอกโลหิต
  • ช่วยบำรุงโลหิต ดับพิษโลหิต
  • ช่วยเจริญธาตุไฟ  
  • ยอดใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคเบาหวาน
  • ดอกใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้นอนไม่หลับ
  • ช่วยถ่ายกระษัย
  • ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย  
  • ช่วยแก้โลหิตกำเดา  
  • ตำรายาไทยใช้แก่นเป็นยาถ่ายเสมหะ ขับเสมหะ
  • ส่วนอีกข้อมูลระบุให้ใช้เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับเสมหะ (เปลือกต้น)
  • แก่นมีสรรพคุณเป็นยาระบาย
  • ใบใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาถ่าย
  • ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นสีต่าง ๆ
  • แก้ปัสสาวะพิการ
  • เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร
  • ช่วยฟอกถ่ายประจำเดือนของสตรี
  • แก้โลหิตประจำเดือนเสีย
  • ช่วยแก้ไตพิการ
  • ใช้บำบัดโรคงูสวัด
  • ช่วยรักษาแผลสดและแผลแห้ง
  • แก่นมีสรรพคุณช่วยทำให้เส้นเอ็นอ่อนหรือหย่อน
  • ช่วยแกลมในกระดูก
  • ใบใช้บำบัดโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว

 
สรรพคุณเฉพาะส่วนของสมุนไพร
 
  แก่นแก้เลือด แก้ลม แก้กระษัย
 
วิธีใช้โดยทั่วไป

  • ดอกอ่อนและใบอ่อนใช้รับประทานเป็นผักได้ แต่ต้องนำมาต้มเพื่อลดความขมลงก่อนจะนำไปแกง คล้ายกับแกงขี้เหล็ก
  • เนื้อไม้แสมสารมีความทนทาน เหนียว เสี้ยนตรง ไม่หักง่าย และไม่แข็งมากจนเกินไป ในสมัยก่อนนิยมนำมาใช้ในการต่อเรือ แต่ในปัจจุบันนิยมนำมาใช้ทำเครื่องเรือน เครื่องมือช่าง ทำสลัก เขียง ฝักมีด ฯลฯ หรือนำมาใช้ทำเป็นถ่านไม้และฟืน ซึ่งจะเป็นถ่านที่ให้ความร้อนสูงถึง 6,477 แคลอรี่/กรัม ถ้าเป็นฟืนจะให้ความร้อน 4,418 แคลอรี่/กรัม (มีสถานภาพเป็นไม้หวงห้ามธรรมดาประเภท ก.)
  • ในปัจจุบันนิยมนำต้นแสมสารมาปลูกเป็นไม้ประดับไว้ตามข้างทางทั่วไป โดยเป็นไม้ขนาดค่อนข้างเล็ก มีทรงพุ่มเป็นเรือดยอดสวยงาม เมื่อยามออกดอกจะมีดอกขาวโพลนหนาแน่น และหากนำมาปลูกในพื้นที่จำกัด (ขนาดกว้างยาว 3*3 เมตร) ก็จะช่วยเพิ่มความสวยงามได้มากยิ่งขึ้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “แสมสาร (Samae San)”. หน้า 309.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). “แสมสาร”. หน้า 145.
  3. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “แสมสาร”. หน้า 78.
  4. หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 5. “แสมสาร”. ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “แสมสาร กะบัด ขี้เหล็กโคก ขี้เหล็ก คันชั่ง ขี้เหล็กแพะ ขี้เหล็กสาร ไงซาน กราบัด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [15 มิ.ย. 2014]. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “แสมสาร”. อ้างอิงใน: หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง (อัปสร และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [15 มิ.ย. 2014].